top of page

                                    Nanasara

 

                         กุมารทองของข้าพเจ้า                                      

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

...แต่เริ่มแรกเดิมทีนั้นผมไม่เคยเลี้ยงกุมารทองมาก่อนเลย...จนกระทั่งเมื่อมีภรรยาคนปัจจุบัน......[ คนสุดท้าย ] 

 

 

ผมก็เริ่มได้รับรู้เรื่องราวของกุมารทองเพราะ...ภรรยาผมเป็นคนที่สามารถเห็นวิญญาณได้...ตั้งแต่เยาว์วัย...

คุณแม่ยายของผมเรียกเธอว่า"ตาหมา"...เรื่องมีอยู่ว่า...ตอนเธออายุได้ ๕ ขวบ คุณแม่ได้พาเธอไปเยี่ยมบ้านญาติ...ในระหว่างที่คุณแม่ยายผมกำลังทักทายญาติมิตรอยู่...ปล่อยภรรยาผมให้อยู่ตามลำพัง...บ้านหลังนั้นเป็นบ้่านไม้มีราวบันใดค่อนข้างสูงชัน...เธอนั่งอยู่ที่ขั้นบันใดและห้อยขาลงไป...

 

 

...ซึ่งสามารถ...มองเห็นใต้ถุนบ้านได้...ขณะที่นั่งเล่นอยู่เพลินๆนั้นเธอก็ได้เห็นมีคนคลุมผ้าสีขาวก้มตัวเดินลอดใต้ถุนออกมา ไปทางหน้าบ้านแล้วก็หายไป...แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรยังคงนั่งเล่นต่อไปสักพักก็เห็นคนเดิมเดินก้มตัวลอดใต้ถุนบ้านออกมาอีก...เธอจึงตั้งใจมองว่าเป็นใครกันแน่...ปรากฏว่าเป็นผู้หญิงคลุมผ้าขาวที่ศรีษะมองเห็นแต่ใบหน้า...จ้องหน้าเธอไม่กระพริบ...บ่นอะไรพึมพัมได้ยิน...คนเดียว...ผ้าขาวนั้นยาวลงมาจรดเท้า...เมื่อคนๆนั้นเดินไปถึงหน้าบ้านก็หายตัวไปใน...พริบตา......เธอก็บรรยายไปตามความจริงที่ได้พบเห็น...พอการบอกเล่าได้เสร็จสิ้นลง...

 

...แม่เธอก็อุทานออกมาว่า...

 

 

"พี่ลองไม่ละเว้นแม้แต่หลานตัวเองเลยนะนี่"ผลสรุปก็คือ..พี่จำลองเป็นพี่สาวของแม่เธอ ได้เสียชีวิตเนื่องจากการคลอดลูกตายทั้งกลมที่บ้านหลังนี้...ตายไปได้ได้หลายปีมาแล้ว...เพราะฉะนั้นลักษณะและบุคลิคที่เธอได้บอกมารดาของเธอไปนั้น...ต้องเป็นพี่จำลอง...พี่สาวของแม่เธออย่างแน่นอนที่สุด...

 

 

[ แม่ของเธอเป็นอิสลาม ดังนั้นชุดที่ป้าจำลองใส่อยู่นั้นเขาเรียกว่า"ชุดตาละกง...มีสำหรับใว้สวมใส่ให้ผู้ตายของชาวอิสลาม]...ทุกวันนี้การเห็นวิญญาณของภรรยาผมเป็นเรื่องปกติ...ถ้าวันไหนไม่เห็นวิญญาณวันนั้นกลับจะเป็นเรื่องผิดปกติมากกว่า...ครับ...

 

 

...มาตอนนี้เรามาฟังเรื่องกุมารทองกันต่อดีกว่านะครับ...

 

 

...ครั้งแรกประสพการณ์ของกุมารทองของผมก็คือ...ผมได้เอาพระไปเลี่ยมพล๊าสติกที่ร้านรับอัดพระ...ที่นั่นมีพระเครื่องโชว์อยู่มากพอสมควร...ภรรยาของผมไปสะดุดตาที่กุมารทองของ ล.พ.เต๋

วัดสามง่าม...ซึ่งตั้งโชว์อยู่ที่ร้านนั้นกว้างราว ๓ นิ้ว...ทันทีที่เธอสัมผัสกับตัวกุมารทองเธอก็เห็นเป็นเด็กน้อยตัวเล็กๆนั่งยิ้มเผละอยู่ตรงหน้า...เธอรีบหันไปถามเจ้าของร้านนั้นว่า...

 

" กุมารทององค์นี้บูชา่ท่าไรค่ะ "

 

ทางเจ้าของร้านตอบมาว่า...

 

" มีตนเค๊าให้ผมหมื่นห้าแต่ผมยังไม่ตอบตกลงครับ "เมื่อได้ฟังดังนั้นภรรยาผมก็หันหน้ากลับมาพูดในใจกับกุมารน้อยว่า"ถ้าอยากไปอยู่กับแม่...ขอให้ลดเหลิอราคาสัก ๕๐๐๐ บาทแม่ถึงจะเอาลูกไปอยู่ด้วยได้นะ " ทางกุมารก็รับคำในทันควันว่า " ได้ซิจ๊ะแม่ "...

 

[ ร้านนี้ผมมาเลี่ยมพระอยู่เป็นประจำ ]

 

 

...ในวันนั้นยังไม่เป็นที่ตกลงใดๆ...แต่อีก ๒ วันต่อมาพี่วีเจ้าของร้านได้โทรมาหาผมแล้วบอกว่าร้อนเงินจะปล่อยกุมารทององค์นั้นให้ในราคา ๕๐๐๐ บาทแถมล.พ.ชิต วััดเขาเต่าให้อีก ๓ องค์อีกด้วย...ผมฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเพราะในวันนั้นขนาดมีคนให้หมื่นกว่าแกยังไม่ปล่อย...แต่ตอนนี้กลับปล่อยในราคา ๔๐๐๐ บาทแถมพระให้อีก...

 

 

...นับเป็นครั้งแรกที่มีเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ใจเกี่ยวกับกุมารทอง...

 

 

...ในเวลาต่อมาผมและภรรยาก็ได้กุมารทองต่างๆเข้ามาหาสู่เราอยู่อีกเป็นจำนวนมาก...

 

...แต่ละตนก็มีเรื่องราวของอภินิหารแตกต่างกันออกไป...

 

...อ้อ...ลืมบอกไปครับว่า...กุมารทองตนนี้ชื่อ"อิทธิโขค"ชื่อเล่นชื่อ หนูแดง "...

 

...เรื่องราวของกุมารทองบังมีอีกหลากหลายรูปแบบที่ผมจะเล่าให้ทุกท่านได้รับฟังกันต่อไป...

 

 

 

 

bottom of page