top of page

                                    นานาสาระ

 

 

 

                                                                                              อดีตชาติ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                                              ...เรื่องราวของการเห็นภาพจากอดีตชาติ...

 

เรื่องราวที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงจากบุคคลที่มีจริง และในปัจจุบันยังคงมีชีวิตอยู่ ก่อนอื่นผมต้องเกริ่นถึงบุคคลที่เป็นที่มาของเรื่องการเห็นภาพนิมิตรจากอดีตชาติในครั้งนี้...มีดังนี้...

 

 

...ณัฐพร ปฏิพิมพาคม...เป็นบุคคลที่มีสัมผัสพิเศษมาตั้งแต่เยาว์วัย...มารดาของเธอเรียกหล่อนว่า "ตาหมา" ...

...เพราะเธอสามารถมองเห็นและสัมผัสกับวิญญาณมาตั้งแต่อายุได้ ๕ ขวบ...ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณต่างๆที่เธอได้สัมผัส...ต้องมาจากวิญญาณเหล่านั้นต้องการที่จะเข้ามาติดต่อคือ...จูนคลื่นติด...

 

 

เธอจึงจะสามารถพูดคุยทางจิตหรือเห็นภาพวิญญาณนั้นๆได้...ไม่ใช่เธอต้องการที่จะเห็นวิญญาณก็จะเห็นได้ในทันทีทันใด...เธอกล่าวว่า...วันไหนไม่เห็นวิญญาณ....วันนั้นเหมือนจะขาดอะไรไปสักอย่าง...และถ้าสวมใส่พระในวันใด ในวันนั้นจะไม่มีการเห็นวิญญาณได้อย่างเด็ดขาดประสพการณ์เกี่ยวกับวิญญาณของเธอมีมากมายตั้งแต่ ๕ ขวบมาจนปัจจุบันเธออายุ ๕๑ ปี...เธอกล่าวไว้ว่า...

 

...เสียงที่ได้ยินจากวิญญาณต่างๆจะได้ยินจากทางจิตเท่านั้น...ไม่ใช่ได้ยินอย่างแบบมนุษย์ทั่วๆไป...

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเห็นภาพจากอดีตชาติ...ซึ่งจะมีดังต่อไปนี้...

 

 

...เมื่อประมาณ ปีพ.ศ.๒๕๕๑ ที่ อ.หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธิ์ ขณะนั้นผมได้เล่นดนตรี+ดูดวงอยู่ที่นั่นอยู่มาวันหนึ่ง...ที่บ้านพักมีเด็กชื่อ...ซี...ที่ผมได้สอนเล่นกีต้าร์ได้พา พ่อ+แม่ มาด้วยพ่อรออยู่นอกบ้าน ส่วนแม่ชื่อหนุ่ยเข้ามาในบ้านด้วยกัน ในตอนนั้นที่บ้านผมมีลูกศิษย์ลูกหามาหาที่บ้านอยู่หลายคนด้วยกัน...ซีพาแม่เขาเข้าไไหว้...กิ่ง [ณัฐพร]...ซึ่งนั่งอยู่ในกลุ่มบรรดาลูกศิษย์ที่รายล้อมอยู่...

 

 

ทันใดที่กิ่งได้รับไหว้จากหนุ่ย...และเห็นหน้าตาหนุ่ยอย่างชัดเจนใบหน้าของกิ่งในตอนนั้นเป็นหน้าที่เหมือนกับดีใจและ..เสียใจปนกัน...และในทันใดนั้นกิ่งก็ร้องไห้ขึ้นมาและโอบกอดหนุ่ยใว้ในทันทีซึ่งหนุ่ยในตอนนั้นก็สวมกอดกิ่งและร้องไห้ขึ้นมาเหมือนกับกิ่ง...เป็นภาพที่ทำให้ทุกคนในที่นั้นเกิดความรู้สึกแปลกใจและเกิดความสงสัยกันขึ้นมาว่า...เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่?...กิ่งโอบกอดหนุ่ยอยู่ชั่วขณะและเอ่ยวาจาออกมาว่า...

 

 

"แม่ช้อง แม่คิดถึงลูกเหลือเกิน...ไปอยู่ไหนมาละลูกถึงได้พึ่งเจอกัน...

...พอกิ่งพูดจบลง ก็อธิบายเรื่องราวต่างๆออกมาว่า...พอเห็นหน้าหนุ่ยอย่างชัดเจนก็เกิดภาพนิมิตร...ปรากฏขึ้นมาเป็นฉากๆอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาไม่ถึง ๑ นาทีก็เข้าใจเรื่องราวได้จนหมดสิ้นเรื่องมีมาดังนี้...

 

 

...จากภาพในอดีตชาติ...กิ่งเป็นแม่ของแม่ช้อง[หนุ่ย]ซึ่งทำความผิดอย่างร้ายแรงคือไปเป็นคนรักกับทาสในเรือนลักลอบได้เสียกันขึ้นมา...จนถูกจับได้ เรื่องถึงท่านเจ้าเมืองผู้เป็นบิดาจึงถูกพิพากษาให้จองจำโซ่ตรวนแม่ช้องไว้...และจับเจ้าทาสตัวการไปเฆี่ยนตีจนปางตาย...ในขณะนั้นบุตรชายของเจ้าเมืองคนละแม่กับแม่ช้องได้แอบพาแม่ช้องออกมาจากที่คุมขัง...พาไปซ่อนตัวอยู่...กิ่งผู้เป็นแม่ได้พยายามสืบเสาะตามหาแม่ช้องอยู่หลายวัน...จนกระทั่งวันหนึ่งก็มีกลุ่มทาสในเรือนได้แม่ช้องกลับมา...แต่เป็นร่างซึ่งปราศจากวิญญาณของแม่ช้อง...

จึงทำให้กิ่งเสียใจอย่างมากสาบานว่า...

 

 

..."ชาติหน้าฉันใดจะไม่ขอมีบุตรอีก"

 

 

...[ ซึ่งในปัจจุบันกิ่งก็ไม่สามารถมีบุตรได้เพราะว่าเป็น...หมัน...] 

 

 

และบรรดาลูกๆที่เห็นในภาพนิมิตรนั้นก็ก็คือบรรดาลูกศิษย์ที่อยู่ในห้องนั้นด้วยกันทั้งสิ้น...

 

 

 

...ส่วนฝ่ายหนุ่ย [แม่ช้อง] ก็กล่าวว่า...พอเห็นหน้ากิ่งและได้กอดกันนั้นรู้สึกตื้นตันใจจนบอกไม่ถูกรู้สึกว่าตนนั้นเป็นลูกสาวของกิ่งขึ้นมาจริงๆ...และเมื่อเห็นหน้าผมก็เกิดความรู้สึกอยากเข้ามาสวมกอดดุจเป็นดั่งบิดาของตนเองเช่นกัน [ ในภาพนิมิตรของกิ่งผมก็คือเจ้าเมือง... ]

 

 

ส่วนบรรดาลูกศิษย์เช่นหมูอ้วน [ บุตรชายในอดีต...ในชาติปัจจุบันเป็นหญิง ]

 

 ยุพารัตน์ [ บุตรสาวคนโตในอดีต ] นิกกี้[บุตรชายในอดีต...ปัจจุบันเป็นหญิง]

 

 

...ยู [ บุตรชายที่พาแม่ช้องหนีออกไป ]ทุกคนก็รู้สึกตื้นตันใจและร่วมรับรู้ความรู้สึกกับเรื่องราวต่างๆนี้ด้วยกันทั้งสิ้น...หลังจากวันนั้นหนุ่ยก็เรียกกิ่งว่า"แม่"มาโดยตลอด...ต่อมาอีกไม่กี่ปีต่อมา พ่อและแม่ของหนุ่ยก็ได้ลาจากโลกนี้ไปทั้ง ๒ คน...หลังจากนั้นผมและกิ่งก็ได้ไปจากหัวหินไปอยู่ที่ พัทยา ๑ ปี ไปอยู่ที่หนองโดนปีเศษๆและอยู่ที่ปากช่อง ๓ เดือนจนกระทั่งปัจจุบันก็กลับมาที่หัวหินอีก...

 

 

 

...ยังมีเกร็ดย่อยๆอีกหลายเรื่องที่ตรงกันกับเรื่องราวที่กิ่งเห็นภาพนิมิตรคือ...ลม [ ทาสที่ลักลอบ ]

 

ซึ่งเป็นสามีในปัจจุบันของหนุ่ย[แม่ช้อง]แต่งงานกับแม่ช้องโดยที่ไม่เสียเงิน โดยมารดาของหนุ่้ยยกให้โดยไม่ต้องเสียขันหมาก...ที่บ้านของหนุ่ยและลมมีสุนัขเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ๑ ตัว ตอน ๒ เดือนก็ล่วงตกลงมาขาหัก...

 

 

ชื่อว่า"แตงกวา"เจ้าแตงกวาจะรักหนุ่ยและรมณ์เป็นอย่างมากแต่แปลกอยู่อย่างหนึ่งว่า...ถ้าลมเข้าไปถูกตัวหนุ่ย เจ้าแตงกวาจะโกรธมากถึงกับกัดจนได้เลือดก็มี...และเจ้าแตงกวาเป็นสุนัขที่ถ้ามีใครมาที่บ้านจะต้องเข้าไปเลียหน้าเลียตาผู้คนอยู่เป็นประจำจนเป็นกิจวัตร...

 

...มีอยู่วันหนึ่งผมและกิ่งได้ไปที่บ้าน หนุ่ย พอไปถึงที่บ้าน เจ้าแตงกวานอกจากจะไม่เลียหน้าเลียตาผมแล้ว ยังหมอบเหมือนคาระวะอยู่ข้างๆผมทุกครั้งที่ผมไปที่บ้านนั้น...เป็นที่แปลกใจของทุกคนในบ้านนั้น...

 

 

ผู้ที่คลี่คลายเรื่องราวนี้ก็คือ...กิ่ง...เธอตอบมาว่า...

 

ในภาพนิมิตรที่เห็น แตงกวาในอดีตชาติเป็นนางทาสที่เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลแม่ช้อง...ตอนเกิดเรื่องก็โดนโบยจนกระทั่งขาพิการไปในตอนนั้น ในชาติปัจจุบันจึงทั้งรักและโกรธ ลมคือเป็นทั้งเพื่อนทาสด้วยกันมาแต่ก็เป็นคนทำให้ตนเองต้องขาพิการ ดังนั้นถ้ารมณ์ไปแตะต้องตัวหนุ่ย มันก็จะโกรธและกัดได้เรื่องไปทุกครั้ง...ส่วนที่หมอบเมื่อเห็นผมนั้นก็ไม่ต้องอธิบายกันอีก คือเมื่อเห็นเจ้านายย่อมต้องหมอบคาระวะทุกครั้งไปจนลมเอ่ยออกมาว่า...

 

"ถ้ามีแตงกวาก่อนมี ซี [บุตรชาย]น้องซีคงไม่ได้เกิดแน่..."

 

 

...ยังมีต่อนะครับ...

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

bottom of page