top of page

Astrology

Secrets
SINCE 2013

                                  Home

 

                     ...คุยกันในเรื่องเรียนรู้โหราศาสตร์...

 

 

                     

 

                         ...พรสวรรค์และพรแสวง...

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

...ในระบบโหราศาสตร์ทุกระบบไม่ว่าจะเป็นโหราศาสตร์ไทยหรือ โหราศาสตร์สากล...

...จะมีองค์ประกอบที่สำคัญ ๓ ประการคือ...

 

 

     ๑. จักรราศี

 

    ๒. ดาวพระเคราะห์

 

    ๓. เรือนชาตา

 

 

...ส่วนประกอบทั้ง ๓ ประการนี้ จะมีความหมายและหลักในการใช้เหมือนกันหมด...ไม่ว่าจะเป็นระบบใด...

...แต่ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ระบบนั้น...บางระบบอาจจะใช้เฉพาะการผสมกันระหว่าง...

 

 

...ดาวพระเคราะห์กับเรือนชาตาหรือ...
...ดาวพระเคราะห์กับดาวพระเคราะห์...

...ส่วนระบบยูเรเนียนบางระบบใช้เฉพาะ...

 

 

...การผสมกันของเรือนชาตากับดาวพระเคราะห์เหมือนกับโหราศาสตร์ไทยทั่วไป...

 

...แต่ก็มีบางระบบที่ใช้การผสมกันทั้งจักรราศี...ดาวพระเคราะห์...และเรือนชาตา...ทั้งหมดเลย...

 

 

...วิชาโหราศาสตร์นี้เป็นทั้ง " ศาสตร์ " และ " ศิลป์ " 
...ซึ่งรวมอยู่ด้วยกัน แยกกันไม่ออก...

...มิใช่ว่าการเรียนรู้โหราศาสตร์จนจบทฤษฎีแล้วนั้น...

...จะสามารถทำนายทายทักผู้คนได้อย่างแม่นยำ
...และเฉียบ...ขาด...



...เพราะความหมายของดวงดาว...เรือนชาตา...จักรราศีมีความลึกซึ้งเกินกว่าที่ทุกคนจะเรียนรู้ได้แตกฉานได้...

...ในเวลาอันสั้นๆ...เพียงไม่กี่วัน...ไม่กี่เดือน...หรือว่าไม่กี่ปี...

 

 

...ขั้นแรกทุกคนจะต้องมีความเข้าใจก่อนเป็นพื้นฐาน...และที่สำคัญ...ผู้ที่จะทายดวงชาตา อนาคตได้แม่นยำนั้นจะต้องมีสิ่งหนึ่งซึ่งขาดไม่ได้ก็คือต้องมีทักษะ...

...และสิ่งที่เรียกว่า " ญาณ "...หยั่งรู้ที่มีมาแต่กำเนิดด้วย...

 

 

...โหราจารย์แต่โบราณสามารถทายอนาคตได้อย่างแม่นยำดุจดั่งมี " อนาคตังสญาณ "

...เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก...
...เช่น...ท่านโหรญาณได้เคยทายกับเพื่อนโหรด้วยกันว่า
..." ขุดลงไปตรงนี้...จะมีปลาอยู่ ๔ ตัว "

ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้...แต่พอได้ขุดลงไปจริงๆกับปรากฏพบว่ามีปลา ๔ ตัว...

...อยู่ในแอ่งน้ำเล็กๆในดินตรงนั้นจริง...? 

 

 

...อีกท่านหนึ่งคือ...ท่านขุนชอบ...ปรมาจารย์วิชา ๑๐ ลัคนา...ท่านพูดกับคนสนิทว่า ...

"วันนี้มีเคราะห์...คิดว่าวันนี้จะไม่ออกไปไหนดีกว่า" 

...พอกล่าวจบ ท่านก็เิดินขึ้นบันไดไปบนบ้านเพียงไม่กี่ขั้นบันได

...ปรากฏว่ากระดานไม้ผุ...ทำให้ร่างท่านล่วงลงมา ๒ ขั้นบันได
...บาดเจ็บเล็กน้อย
...ท่านก็บ่นพึมพำขึ้นมาว่า...

..." ขนาดรู้ว่าจะมีเคราะห์ อยู่บ้านแท้ๆ ยังโดนจนได้นะนี่ "

 

 

...อ.พลูหลวงเคยเขียนในบทความของท่านว่า...

 

 

...มีเพื่อนโหรด้วยกันคนหนึ่งชื่อ อ.สังข์ [ ถ้าผมจำไม่ผิดนะ ] ทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ ...

 

...กล่าวคือ...อ.สังข์มาที่บ้าน อ.พลูหลวงมองไปที่ตู้โชว์มีกล้องถ่ายรูปวางอยู่ ...๑ ตัว...แต่ท่านกลับกล่าว

ขึ้ันมาว่า...

 

 

"ต่อไปในอนาคต...คุณจะมีกล้องทั้งหมด ๙ ตัว..." 

...ซึ่งในตอนนั้นท่าน อ.พลูหลวงก็ได้แต่แปลกใจเท่านั้นเอง...

...แต่กาลต่อมาอีกหลายปี อ.สังข์ ถึงแก่กรรมไปแล้ว...
...ท่าน อ.พลูหลวงก็มีกล้องถ่ายรูป...อยู่ในตู้โชว์ ๙ ตัว
...จริงตามคำทำนายของ อ.สังข์... [จริงทั้งหมด] ...

 

 

...ผู้ศึกษาโหราศาสตร์ที่ไม่มี...ญาณพิเศษ...ก็ไม่ต้องตกใจนัก...

...เพราะญาณพิเศษก็คือ " พรสวรรค์ " 
...ส่วนความขยันก็คือ " พรแสวง " นั่นเอง...

...ในเมื่อเราไม่มีพรสวรรค์...เราก็ต้องยึดมั่นในบทเรียนของ
...วิชาต่างๆที่เรียนรู้ และซ่อมแซม...

...ส่วนที่ขาดตกบกพร่องของเรา...
...เช่นพยายามรวบรวมสถิติ...แสวงหาตำราจาก อ.ต่างๆ

...ที่ทรงคุณวุฒิฯ มาเสริมให้รัดกุมขึ้นมาอีก...

 

 

การที่เราจะเรียนวิชาโหราศาสตร์จากตำราต่างๆซึ่งแตกต่างสำนักกันไม่ใช่เรื่องต้องห้าม...

 

 

...วิชาโหราศาสตร์จาก อ. ผู้ทรงคุณวุฒินั้นๆ ล้วนมาจากรากฐานเดียวกันมาทั้งสิ้น...

...เพียงแต่แตกต่างออกไปจากกันบ้างบางส่วน ...

...แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งของเดิมที่ได้ศึกษากันมาแต่แรกเริ่ม...

...กฏเกณฑ์โหราศาสตร์ยังคงเหมือนเดิมทุกประการ...

...ตามโบราณที่กล่าวไว้ว่า...อันความรู้...รู้กระจ่างแต่อย่างเดียวแต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล...

...ถ้าจะตีความกันจริงๆนั้นหมายความว่า...

 

 

...คนเราถ้าจะศึกษาในวิชาใดก็ตามถ้าหมกมุ่นพากเพียรในวิชานั้นๆ...

...ก็จะเกิดความสำเร็จตามมาอย่างแน่นอน... 
...เช่นศึกษาโหราศาสตร์ก็ทุ่มเทให้กับวิชานี้

... ถ้าศึกษาวิทยาศาสตร์ก็พากเีพียร คิดค้น ค้นคว้าฯลฯ 
...ถ้าศึกษาดาราศาสตร์ก็มุมานะอย่างเต็มที่กับงานดาราศาสตร์...

 

 

...มีผู้ที่ศึกษาโหราศาสตร์บางคน คิดว่าความหมายของกลอนหมายถึง...

...การที่จะต้องเรียนรู้กับครูบาอาจารย์เพียงท่านเดียวก็จะประสพความสำเร็จตามคำกลอน

...น่าจะไม่ถูกต้องนัก......นั้นเพราะว่าวิชาของสำนักโหรทั้งหลายรวมเรียกขานก็ต้องใช้คำว่า...

วิชาโหราศาสตร์ทั้งสิ้น เพราะเป็นวิชาแขนงเดียวกัน ชื่อเหมือนกันแต่จะแยกเกร็ดเคล็ดลับออกไปเป็นพิเศษ แต่ก็ต้องมีเค้าโครงจากของเดิมมาก่อนแล้วทั้งสิ้น...

 

 

...นิทานหรือนิยาย ย่อมต้องนำมาจากของจริง ชีวิตจริงล้วนๆ ดังนั้นผมจึงยกตัวอย่างมากล่าวดังนี้...

 

 

...เปรียบเทียบกับวิชาของสำนักเสียวลิ้มยี่ซึ่งเป็นต้นแบบวิชาหลักที่มาตราฐาน...

...แต่ก็มี อ. หลายๆท่านออกไปตั้งสำนักใหม่ขึ้นมาและคิดค้นวิชาประจำสำนักขึ้นมาใหม่...

...แต่ก็แตกแขนงมาจากพื้นฐานเดิมทั้งสิ้น...เช่นท่านเตียซำฮง...ปรมาจารย์สำนักบู๊ตึ๊ง ก็มาจากสำนักเสียวลิ้มยี่

...ท่านก๊วบเซียงปรมาจารย์สำนักง่อไบ๊ก็มาจากรากฐานของเสียวลิ้มยี่เช่นกัน...ดังนั้น...

...หากเรียนรู้วิชาต่างๆได้ครบสิ้นกระบวนความ...เวลาออกรบ...ก็สามารถใช้ได้ทั้ง...
...ดาบ...กระบี่...มีดสั้น...หอก......ธนู...และปืนฯลฯ ...แล้วแต่ว่าจะหยิบฉวยอะไรได้ก่อน...

 

 

..ดังนั้นเวลาดวงชาตาให้ผู้คน...แรกๆใช้วิชาเบสิค มองไปในดวงชาตาก็เห็นแนวทางของ อ.ส.ไชยนันท์ขึ้นมา...

มองไปไปทางด้านหนึ่งก็เห็นแนวทางของ อ.อรุณ ลำเพ็ญมองไปอีกมุมก็เห็นแนวทางของ อ.ประทีป อัครา

...ถ้าเกิดเริ่มตัน...ก็เห็นแนวทางของ อ.พลูหลวงเข้ามาช่วยได้ทันท่วงที...ดังนั้นเวลาดูดวงชาตาคน...

...ก็สามารถหยิบฉวยวิชาของปรมาจารย์ต่างๆเอามาใช้ได้อย่างทันท่วงทีไม่มีการอับจนอย่างเด็ดขาด...

 

 

...เวลาดูดวงชาตานั้น...ตัวเรา ประสาทตา ความนึกคิด วิ่งรวดเร็วยิ่งกว่า คอมพิวเตอร์เสียอีก...

ยิ่งถ้าเรามีข้อมูลหลักวิชาในสมองบรรจุอยู่แล้วอย่างเต็มเปี่ยม...การทำนายก็จะไม่เป็นปัญหาใดๆแน่นอน

...เรียกว่าดูดวงได้แบบที่ว่า " คม...ชัด...ลึก..."อย่างแน่นอน...

 

 

...สรุปได้ว่า...ในเมื่อเราไม่มี...พรสวรรค์...เราก็ต้องขวนขวายให้มี...พรแสวง...ให้จงได้...

...แต่ถ้าผู้ใดมีทั้ง...พรสวรรค์และพรแสวง...ทั้ง ๒ อย่าง...

...จัดเป็นสุดยอดโหราจารย์ในทางโหราศาสตร์อย่างแท้จริง...

 

 

...สิ่งสำคัญที่จะเรียกว่าเป็นโหราจารย์ต้องสำเร็จทั้ง ๓ ภาค
ของวิชาโหราศาสตร์ครบถ้วนคือ...

 

 

๑. ภาคคำนวณ

๒. ภาคพยากรณ์

๓. ภาคพิธีกรรม

 

 

...ท่านโหราจารย์ที่สมบูรณ์เพียบพร้อมจนท่าน อ. ส.ไชยนันท์ได้ตั้งฉายาชื่อว่า " วิญญาณโหราศาสตร์ " 

...โหราจารย์ท่านนั้นก็คือ...ท่าน อ.พลูหลวง...ผู้ล่วงลับไปแล้ว...นั่นเอง...

...และท่าน อ. ส.ไชยนันท์ย่อมต้องเป็น...วิญญาณโหราศาสตร์ด้วยเช่นกัน...

...เปรียบดั่ง...พระอรหันต์ด้วยกัน...ย่อมรู้วาระจิตซึ่งกันและกัน...

...เป็นเยี่ยงนี้อย่างแน่แท้...แล้วพบกันใหม่...สวัสดีครับ...

 

 

 

  • Wix Facebook page
  • Tumblr Classic
  • Pinterest Classic
  • Wix Twitter page
  • Wix Google+ page
  • YouTube Classic
  • Blogger Classic
bottom of page